กลอนฉันทลักษณ์

บ้านนี้ไม่มีเหงา

แสนสำราญ บ้านนี้ ไม่มีเหงา
เพราะมีเจ้า เย้ายวน ครวญอักษร
ล้วนมากมิตร ชิดหวาน จารสุนทร
บรรเลงกลอน อ้อนล้อม ขับกล่อมใจ

มนต์กวี มีมาก ช่างหลากรส
เสกสะกด พจน์งาม ให้หวามไหว
ถึงเหนื่อยล้า คราเหงา สักเท่าใด
พักปล่อยใจ ใส่กลอน ถอนวิญญาณ

หลายสำนวน ครวญคร่ำ รำพันซึ้ง
ช่างตราตรึง ถึงทรวง สุดห้วงหวาน
บางเรื่องราว วาวเด่น เช่นนิทาน
ให้เบิกบาน สานศิลป์ จินตนา

บ้างล้ำบท รสธรรม นำดวงจิต
ได้ตรองคิด พิศทุกข์ สุขตัณหา
หลายคำกลอน สอนเสริม เติมปัญญา
ด้วยภาษา สุภาษิต มิตรสุนทร

อยู่บ้านนี้ ดีสุด ใจหยุดเหงา
เพราะมีเงา เจ้าพร่ำ ฉ่ำเคียงหมอน
ขอฝากทรวง ดวงหวาน แนบบ้านกลอน
ชมอักษร ผ่อนจิต ก่อนนิทรา

โดย ดุลย์ สิ้นละมุน ชนะเลิศประกวดกลอนเดือน ส.ค.55

รำลึกคุณมารดา (กลอนชนะเลิศประกวด กค.55)

ให้โอกาสลืมตามาดูโลก
ปัดเป่าโศกและทุกข์ป้อนสุขศานติ์
รักที่สุดห่วงหวงดั่งดวงมาน
ป้องภัยพาลให้ลูกทุกวันคืน

ยามมีครรภ์อึดอัดและขัดข้อง
ตัวแม่ต้องลำบากก็ทนฝืน
จะกิน นอน เดิน นั่ง หรือลุกยืน
ใจแม่ตื่นระวังทุกครั้งคราว

เคยไปไหนมาไหนไม่ลำบาก
นึกคิดอยากได้อะไรเมื่อวัยสาว
พอตั้งท้องแม่ตัดทุกเรื่องราว
“สองมือ-เท้า” เพื่อจอมขวัญแต่นั้นมา

แทบสิ้นใจในวันให้กำเนิด
ความอดทนเป็นเลิศหนอแม่จ๋า
เจ็บปวดกายเพียงใดไม่นำพา
ขอเพียงให้ลูกยา รอดปลอดภัย

แม่เฝ้าปลอบคราลูกยังแบเบาะ
เสียงเสนาะไพเราะกังวานใส
“นอนเสียเถิด ลูกจ๋า อย่าตกใจ
มีแม่อยู่ใกล้ใกล้ ไม่ต้องกลัว”

กินไม่อิ่ม นอนไม่พอ ก็ไม่บ่น
บางวันทุกข์เหลือทนจนปวดหัว
แอบไปนั่งร้องไห้อยู่ในครัว
หลบลูกผัวกลัวเขาลำบากใจ

สองมือแม่ประคองสองมือลูก
สัมพันธ์ผูก รักมั่น มิหวั่นไหว
สองตาแม่แลตาลูกปลูกห่วงใย
หนึ่งดวงใจเพื่อจอมขวัญนิรันดร

จากต้วมเตี้ยมเตาะแตะจนตัวโต
จบป.ตรี ป.โท แม่ยังสอน
“จงขยันหมั่นศึกษาอย่ามัวนอน
ลำบากก่อนค่อยสบายเมื่อภายหลัง”

แม่จ๋า..ที่ลูกมีวันนี้ได้
เพราะฝึกใจทำตามคำแม่สั่ง
บวกกับรักแม่ให้เป็นพลัง
ลูกจึงก้าวถึงฝั่งแห่งความฝัน

ขอบพระคุณอุ่นในหัวใจรัก
ซึ้งประจักษ์รักแท้ที่แม่ปั้น
ทั้งเดือนทั้งปีทั้งชีวัน
ขอกำนัลคุณแม่ด้วยความดี
(โดย ส.เชื้อจันทร์ ประกวดกลอนเดือน ก.ค.55)

จุดหมายหรือค่ายกล ของคนฝัน

เจิดแจรงแสงพราวเหนือราวฟ้า
ประหนึ่งทิพขลิบ-นภาคนกล้าฝัน
คือศูนย์สมอุดมการณ์หนอนานวัน
ของระยะอนันต์แห่งฝันชน

ทะยานอยากมากเหลือทุกเมื่อหนอ
พยายามหามห่อถึงช่อผล
เหตุปัจจัยไหวติงก็ยิ่งทน
ด้วยอยากยลหนหาวสกาวนี้

บ้างถึงฝั่งหวังวาดนิราศสม
ได้โชยชมห่มหุ้มประชุมศรี
เหมือนเวทมนตร์ผลผายประกายมี
แจ่มแจ้งแสงรุจี…นาทีทอง

ได้เริงรื่นชื่นนักเป็นลักษณ์รูป
แล้วเสพสูบลูบฝันสุวรรณผ่อง
โอ้ที่หมายป่ายถึงพาผึ่งพอง
ได้กระหยิ่มยิ้มย่องสมปองปู

มีไม่น้อยห้อยฝันหลายวันลับ
ไม่เคยจับทับฝันสวรรค์หรู
เพียงเฝ้าฝากอยากยลและทนดู
แลทนสู้อยู่ร่มอุดมการณ์

นี่คือความลุ่มลึกให้ฝึกคิด
ก่อนประดิษฐ์จิตฝันบรรทัดฐาน
ต้องรู้รอบกรอบฝันแล้วสันธาน
ก่อนที่ฝันนับล้านประหารเรา

(โดย ดาวระดา กลอนชนะเลิศประกวดกลอนเดือน มิ.ย.55)

เป็นกำลังแรงใจให้กัน ในวันอ่อนล้า

ธรรมชาติวันนี้ล้วนดีชั่ว
สิ่งน่ากลัวกล้ำกรายทำลายขวัญ
ทั้งน้ำท่วมฝนแล้งดั่งแกล้งกัน
ทุกคืนวันฟันฝ่าจนราโรย

แม้ฉันเองวันนี้ไม่มีแล้ว
ไร้วี่แววความฝันพลันแห้งโหย
รอความหวังฝั่งฟ้าจะมาโปรย
แม้ลมโชยชิงชังประดังมา

เฝ้าปลอบใจตัวเองไม่เร่งร้อน
ค่อยผันผ่อนกายใจยิ้มในหน้า
จะขอเอาชนะโชคชะตา
เพื่อจะนำนาวาฝ่าคลื่นลม

ขอเพียงเราทั้งสองประคองคู่
ร่วมกันสู้ฝ่าฟันแม้วันล่ม
ร่วมเป็นใจดวงเดียวอย่างเกลียวกลม
ทุกข์ระทมเพียงใดก็ไม่กลัว

เราจะเติมแรงใจมิให้พร่อง
เราจะท่องเมฆายามฟ้าหลัว
เราจะยึดรักไว้แม้ไกลตัว
เราจะพัวพันคำมิอำพราง

แม้โลกนี้มีภัยจนใจฝ่อ
เราจะขอร่วมเรียงอยู่เคียงข้าง
เป็นกำลังแรงใจไม่จืดจาง
เดินสายกลางด้วยกันนิรันดร

(โดย ไพร พนาวัลย์ ชนะเลิศ ประกวดกลอนเดือน พ.ค.55)

..


เว๊ปนี้ได้ทำการคัดเลือก กลอน เพราะๆ คำคม และ กลอนกวนๆ กลอนรัก จากเว็บทั่วไป และจากเพื่อน ๆ

Title : ความในใจที่อยากบอก

โดย  นานะ (รักแรกพบ)  ประกวดกลอน วันวาเลนไทน์  ปี 2556

ฉันเขียน ค ว า ม ใ น ใ จ เอาไว้ในกระดาษ
เป็นความรู้สึกที่ไม่อาจบอกเธอได้
ฉันแนบกระดาษใบนั้นไว้กับดอกไม้
ด อ ก ไ ม้ กั บ ค ว า ม ใ น ใ จ…เนื่องในวันวาเลนไทน์…มอบให้กัน

ปี ที่ แ ล้ ว ฉั น ก็ ทำ แ บ บ นี้
เตรียมดอกไม้และการ์ดบอกความรู้สึกที่มี…ข้อความสั้น-สั้น
ข้อความของปีที่แล้วกับปีนี้ก็เหมือน-เหมือนกัน
เป็นคำสามคำที่ฉัน…ไม่เคยใช้มันเพื่อบอกใคร

‘เคยรู้สึกไหมว่ามีสายตาคู่หนึ่งเฝ้ามองอย่างมีหวัง
เธอพูดอะไรก็สนใจฟัง…ไม่เดินหนีไปไหน
ตอนเห็นเธออยู่กับใครก็มีน้ำตา…แต่มักจะโกหกว่า ไ ม่ เ ป็ น อ ะ ไ ร
สิ่งเล็กน้อยที่เธอทำให้…สำหรับฉันมันยิ่งใหญ่เกินพรรณนา’

ฉันเขียนความในใจส่งมาให้เธออ่าน
เป็นความรู้สึกที่อยากบอกเธอมานาน แ ต่ ข า ด ค ว า ม ก ล้ า
หวังว่าเมื่ออ่านจบ…’ถึงเธอไม่อยากคบ…ก็คงไม่ทำตัวเฉยชา’
ฉันเขียนวกไปวนมา…เพียงเพื่อต้องการลงท้ายว่า ‘ ฉั น รั ก เ ธ อ ‘



Last Update 13 February 2013

Copywrong(c)0000-5555 Klonthai.com Allwrongsreserved.

ดอกไม้ป่าหน้าแล้ง


เมื่อเหมันต์ ผันผ่าน ตามกาลเปลี่ยน
โลกหมุนเวียน ฤดู สู่คิมหันต์
มวลพฤกษา มากมาย หลากหลายพันธุ์
ต้องถึงวัน ร่วงหล่น อยู่บนลาน

แต่ก่อนนี้ เคยชม ดอกบ่มช่อ
วันนี้หนอ ท้อแท้ เหลือแต่ก้าน
ช่อดอกอ่อน บางเบา คงร้าวราน
ถูกผล่าผลาญ กลีบใบ เหมือนไฟลน

เจ้าคงรู้ รสทุกข์ ยามสุขสิ้น
บนแผ่นดิน ร้อนเหลือ เมื่อขาดฝน
หวังเห็นเจ้า ทรหด สู้อดทน
เพื่อผ่านพ้น วันร้าย ในไม่ช้า

รอวันช่อ ดอกไม้ สยายกลีบ
ฟื้นคืนชีพ กลางดง ทรงคุณค่า
จงเฝ้ารอ ถึงวัน วสันต์มา
ดอกไม้ป่า จะเบ่งบาน เต็มลานใจ

โดย yaguza ประกวดกลอนเดือน เม.ย.55

กลางทาง…ระหว่างพัก

ฉุดแรงขาพากายสู่ปลายฝัน
ทางเส้นนั้นนำเราสู่เป้าหมาย
ด้วยสองเท้าก้าวมั่นบนสันทราย
เรื่องหลากหลายได้เห็นไม่เว้นวัน

ในบางครั้งพังภินท์จนสิ้นท่า
ใจอ่อนล้าล้มกลิ้งแทบทิ้งฝัน
ท่ามนภาฟ้าครามเดินตามมัน
สารพันอุปสรรคประจักษ์ใจ

ยังเดินต่อพอเมื่อยเมื่อเหนื่อยพัก
ไกลยิ่งนักทางฝันของวันใส
มากขวากหนามข้ามผ่านทนทานไป
ฝันให้ไกลไปให้ถึงหนึ่งชีวิต

หนึ่งตัวตนวนว่ายก่อนตายจาก
มันสั้นมากเมื่อตรองมองลิขิต
สองหมื่นวัน-สองพันเก้าคราวอาทิตย์
แสนน้อยนิดชีวิตนั้นสั้นจะตาย

ก่อนสิ้นลมห่มดินชีวินดับ
ขอลองรับจับเส้นชัยในสุดสาย
บนทางฝันวันว่างพลางระบาย
เขียนคำคายร่ายกลอนพักผ่อนใจ

พอเหนื่อยหายคลายถอนเดินย้อนเข้า
เส้นทางเก่าเก็บฝันไม่หวั่นไหว
หนึ่งชีวาตม์ชาติหนึ่งต้องถึงชัย
แม้ทางไกลก็ไม่ยั้งแรงยังมีฯ

(จ.รัตติกาล ชนะเลิศประกวดกลอนเดือน มี.ค.55)